คุณเบื่อไหมกับปัญหาโทรศัพท์ชาร์จไม่เข้า หรือแบตหมดเร็วผิดปกติ? อาจเป็นเพราะสายชาร์จคู่ใจของคุณกำลังส่งสัญญาณเตือนแล้วก็ได้! สายชาร์จที่เสื่อมสภาพไม่เพียงแต่ทำให้ชาร์จโทรศัพท์นานขึ้น แต่ยังอาจเป็นอันตรายต่อตัวเครื่องและตัวคุณเองอีกด้วย มา Check List 5 สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าคุณควรเปลี่ยนสายชาร์จได้หรือยัง!
1. สายชาร์จเปื่อยหรือขาด
ถ้าสายชาร์จของคุณเปื่อยหรือขาด รู้หรือไม่ว่าการใช้สายชาร์จที่เปื่อยหรือขาดเป็นเรื่องที่อันตรายและส่งผลเสียต่อทั้งตัวเราและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็น
- ไฟฟ้าลัดวงจร: เมื่อสายชาร์จมีรอยขาด หรือฉนวนหุ้มสายชาร์จเสียหาย ทำให้สายภายในสัมผัสกัน เกิดการลัดวงจร และอาจทำให้เกิดประกายไฟหรือไฟฟ้ารั่วไหลออกมา หากสัมผัสเข้า อาจได้รับอันตรายจากไฟฟ้าช็อตได้
- แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น: สายชาร์จที่ชำรุด ทำให้กระแสไฟฟ้าที่ส่งไปยังแบตเตอรี่ไม่เสถียร ส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ และอาจทำให้ประสิทธิภาพในการใช้งานลดลง
- อุปกรณ์ชาร์จเสียหาย: สายชาร์จที่ชำรุดอาจทำให้เกิดความเสียหายกับพอร์ตชาร์จของอุปกรณ์ หรือวงจรชาร์จภายในตัวเครื่อง ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเพิ่มเติม
- อันตรายต่อผู้ใช้งาน: การสัมผัสสายชาร์จที่ชำรุดขณะที่มีกระแสไฟฟ้าไหล อาจทำให้เกิดไฟดูด หรือได้รับบาดเจ็บจากความร้อน
2. ข้อต่องอ/แตกจนเห็นสายไฟ
สายชาร์จที่ข้อต่องอหรือแตกจนเห็นสายไฟภายในนั้นเป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้หลายประการ หากยังคงใช้งานต่อ อาจนำมาซึ่งผลเสียที่คาดไม่ถึง ดังนี้
อันตรายที่อาจเกิดขึ้น
- ไฟฟ้าลัดวงจร: เหมือนกันอันตรายจากข้อที่1 เมื่อฉนวนหุ้มสายไฟเสียหาย ทำให้สายไฟภายในสัมผัสกันหรือสัมผัสกับวัตถุอื่นๆ เกิดการลัดวงจร และอาจทำให้เกิดประกายไฟหรือไฟฟ้ารั่วไหลออกมา หากสัมผัสเข้า อาจได้รับอันตรายจากไฟฟ้าช็อตได้
- อุปกรณ์เสียหาย: กระแสไฟฟ้าที่ไม่เสถียรจากสายชาร์จที่ชำรุด อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อวงจรภายในของอุปกรณ์ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ทำให้อุปกรณ์ทำงานผิดปกติ หรือเสียหายอย่างถาวร
- แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น: กระแสไฟฟ้าที่ไม่เสถียรส่งผลต่อการชาร์จแบตเตอรี่ ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น และอาจเกิดปัญหาแบตบวมหรือระเบิดได้
- เกิดเพลิงไหม้: ในกรณีที่รุนแรง การลัดวงจรจากสายชาร์จที่ชำรุด อาจทำให้เกิดประกายไฟและความร้อนสูง ซึ่งอาจลุกลามไปติดวัสดุที่ติดไฟได้ และก่อให้เกิดเพลิงไหม้ได้เลย!
3. ใช้เวลาในการชาร์จนานกว่าปกติ
อาจจะมีสาเหตุที่มาจาก สายชาร์จที่เปื่อยหรือขาด , สายชาร์จที่ข้อต่องอหรือแตกจนเห็นสายไฟ อาจทำให้การส่งผ่านกระแสไฟฟ้าไม่สมบูรณ์ ทำให้ใช้เวลาในการชาร์จนานกว่าปกติ
4. ชาร์จติดๆ ดับๆ ต้องคอยขยับให้เข้าที่
ถ้าคุณมีอาการชาร์จติดๆ ดับๆ ต้องคอยขยับให้เข้าที่ สาเหตุก็อาจจะมาจากสายชาร์จที่เปื่อยหรือขาด , สายชาร์จที่ข้อต่องอหรือแตกจนเห็นสายไฟ ได้เหมือนกันและอาจจะมีฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรกอุดตันในพอร์ตชาร์จ ทำให้สายชาร์จสัมผัสไม่แน่นหนา เคล็ดลับที่อาจจะช่วยได้
- หลีกเลี่ยงการใช้สายชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐาน: สายชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐานอาจมีคุณภาพต่ำและทำให้เกิดปัญหาได้
- อย่าดึงสายชาร์จออกแรงๆ: การดึงสายชาร์จออกแรงๆ อาจทำให้ขั้วชาร์จหลวมหรือเสียหายได้
- เก็บสายชาร์จในที่เย็นและแห้ง: ความร้อนและความชื้นอาจทำให้สายชาร์จเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
5. เมื่อเสียบสายชาร์จ มีแจ้งเตือน “ไม่รองรับการชาร์จ”
การเจอข้อความ “ไม่รองรับการชาร์จ” เมื่อเสียบสายชาร์จเข้ากับโทรศัพท์มือถือ เป็นปัญหาที่พบเจอได้บ่อย และอาจเกิดจากสาเหตุหลายประการ ดังนี้ค่ะ
- สายชาร์จเสียหาย: สายชาร์จอาจมีรอยหัก, รอยบิด, หรือขั้วชาร์จหลวม ทำให้การเชื่อมต่อไม่สมบูรณ์และส่งสัญญาณผิดพลาดไปยังโทรศัพท์
- หัวชาร์จเสียหาย: หัวชาร์จอาจมีปัญหา เช่น ขั้วหลวม, ชำรุด หรือไม่รองรับแรงดันไฟฟ้าที่เหมาะสม
- สายชาร์จไม่แท้: การใช้สายชาร์จที่ไม่แท้หรือไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้เกิดปัญหาในการชาร์จได้ เนื่องจากคุณภาพของวัสดุและการผลิตที่ไม่ดีพอ
ถ้าคุณมีปัญหาทั้ง5ข้อที่ได้กล่าวไป เราขอแนะนำว่า “ถึงเวลาเปลี่ยนสายชาร์จแล้ว”
ถ้าคุณยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะใช้สายชาร์จอะไรดี เราขอแนะนำสายชาร์จที่มีคุณภาพ
Rizz สายชาร์จไว 100W สายถัก 2 เมตร
สายชาร์จ USB-C to Type C (Type C to type C) นี้เป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูงและมีคุณสมบัติเด่นมากมาย ทำให้คุณสามารถใช้งานโทรศัพท์รุ่นที่รองรับได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว หากคุณกำลังมองหาสายชาร์จที่มีคุณภาพสูง เราขอแนะนำสายชาร์จ USB-C to Type C นี้ให้คุณได้ลองใช้งานดู
การรับประกัน
- สินค้าทุกชิ้นของ RiZZ รับประกัน 1 ปี หากตัวสินค้าเสียหายจากขั้นตอนการผลิตของทางโรงงาน เปลี่ยนตัวใหม่ให้ทันที เคลมได้ทุกกรณีหากชำรุด
- ทั้งนี้ตัวสินค้าต้องไม่มีตำหนิจากการใช้งานผิดวิธี เช่น หูฟังเสียหายจากการตก/แช่น้ำ, เปิดเสียงดังจนเสียงแตก, เบิร์นหูฟังผิดวิธี (ใช้แอพเบิร์นหรือคลื่นเสียงประเภท Sine Sweep, Pink Noise, White Noise) จนหูฟังเสียหาย
- การทำหูฟังหล่นหาย จะไม่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกันครับ
- เมื่อทำการแกะสินค้าแล้ว แอดแนะนำให้ลงทะเบียนเพื่อรับสินค้าไว้ทันทีครับ สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงสแกน QR Code ผ่านใบรับประกันภายในกล่อง หรือ อ่านวิธีการลงทะเบียนรับประกันสินค้า ได้ที่นี่ การรับประกันสินค้า